นักเตะในตำนาน ของ เชลซี ตอนที่ 2 จะพูดถึง โคล้ด มาเกเลเล่ และ จิมมี่ ฟรอยด์ ฮัสเซลเบงค์ คนหนึ่งเป็นฟันเฟืองสำคัญในความสำเร็จของทีม ส่วนอีกคนคือเครื่องจักรถล่มประตูอย่างแท้จริง
ประวัติ โคล้ด มาเกเลเล่ และ จิมมี่ ฟรอยด์ ฮัสเซลเบงค์ 2 ตำนานของทีมเชลซี
นักเตะในตำนาน คนที่ 3 โคล้ด มาเกเลเล่
สุดยอดกองกลางแห่งยุค เมื่อปี ค.ศ. 2000-2003 เป็นแกนกลางคนสำคัญที่ทำให้เรอัล มาดริด ซึ่งอยู่ในยุคกาลาติกอส พอดี สามารถยืนระยะได้ แต่เมื่อมีคลื่นใต้น้ำของราชันชุดขาว ทำให้โคล้ด มาเกเลเล่ต้องย้ายออกจาก เบอร์นาบิวไป
ซึ่งผลของการขาดหายไปของโคล้ด ทำให้ยุคกาลาติกอส ที่เต็มไปด้วยดารานักเตะ จบลงเช่นกัน เพราะไม่ว่าจะหาใครมาแทนตำแหน่งโคล้ด ไม่สามารถทำมาตรฐานได้ใกล้เคียง ทำให้ประธานสโมสรเรอัลมาดริด ณ ตอนนั้นต้องลาออกและออกมายอมรับความผิดพลาดที่ปล่อยตัวมาเกเลเล่ไปให้กับเชลซี
ช่วงเวลาสมัยค้าแข้งกับสโมสรฟุตบอลเชลซี
โคล้ด มาเกเลเล่ ชื่อเต็ม โคล้ด มาเกเลเล่ แซ็งดา ก้าวแรกของการเป็นนักเตะอาชีพ ในปี 1991-1997 ลงเล่นให้กับทีมน็องต์และ ลงเล่นไปทั้งหมด 169 นัด ยิงไป 9 ประตู ผลงานจึงเข้าตา โอลิมปิกมาร์กเซย จึงได้ร่วมทีมโอเอ็ม ในปี 1997-1998 ลงเล่นไปทั้งหมด 32 นัด ยิงไป 2 ประตู ก่อนจะถูกเรอัลมาดริด กระชากตัวไปร่วมทีม
ในขณะที่ โคล้ด มาเกเลเล่ ลงเล่นให้กับเรอัลมาดริดไป 94 นัด ยิงได้ 1 ประตู ก่อนจะถูกขายออกไปให้ เชลซีในช่วงปี 2003 เป็นกองกลางตัวรับคนสำคัญของเชลซี พร้อมพาทีมเถลิงบัลลังก์แชมป์ พรีเมียร์ลีก ครั้งแรกในรอบ 50 ปีของสโมสร พร้อมเดินหน้าพาทีมล่าความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง ทำให้เป็นที่รักของแฟนๆ พร้อมกับเป็นที่ยอมรับของบรรดาแฟนลูกหนังทั่วโลก และขนามนามว่า เป็นกองกลางตัวรับที่ดีที่สุดในโลก ที่เคยมีมา
หลังค้าแข้งกับเชลซี 5 ปีที่ โคล้ด มาเกเลเล่ลงไป 217 นัด รวมทุกรายการ ยิงไป 2 ประตู โดยเกมนั้นเป็นเกมสุดท้ายของเขากับเชลซี นัดชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยน ลีก ในปี ที่มอสโก
ทั้งนี้ ช่วงเวลา 5 ปีที่โคล้ด มาเกเลเล่ อยู่กับทีม เขาคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ 2 สมัย,เอฟเอ คัพ 1 สมัยและลีกคัพ 2 สมัย พร้อมลาทีมซบอก ปารีส แซงต์-แชร์กแมง
บทความที่เกี่ยวข้อง : นักเตะในตำนาน ตอนที่ 3
นักเตะในตำนาน คนที่ 4 จิมมี่ ฟรอยด์ ฮัสเซลเบงค์
นักเตะทีมชาติฮอลแลนด์ เล่นในตำแหน่งกองหน้า ช่วงเริ่มต้นในการเล่นฟุตบอล ฮัสเซลเบงค์ เริ่มจากการเล่นในตำแหน่งผู้รักษาประตู แต่สโมสรที่ทำให้เขาเป็นที่รูจักของบรรดาแฟนลูกหนัง คือ ลีดส์ ยูไนเต็ด เพราะสามารถยิงประตูได้เป็นกอบเป็นกำ หลังจากนั้นแอธเลติโก มาดริด ทีมดังจากสเปน ได้กระชากตัวไปร่วมทีม ด้วยสถานการณ์ที่ทีมตราหมี ไม่สู้ดีนัก จึงได้ลงเล่นเพียง 34 นัด แต่ยังกดไปถึง 24 ประตู
ช่วงเวลาสมัยค้าแข้งกับสโมสรฟุตบอลเชลซี
เชลซีจึงคว้าตัวมาร่วมทีมในปี 2000 และกลายสุดยอดนักเตะหมายเลข 9 ของสโมสรในยุคปี 2000 เป็นต้นไปอย่างแท้จริง เขาซัดไปถึง 26 ประตูในฤดูกาลแรกที่ย้ายตัวเองมาจาก แอตเลติโก มาดริด ด้วยค่าตัวสถิติสโมสรในตอนนั้นที่ 15 ล้านปอนด์ และซัดโครมไปอีก 29 ประตู ในซีซั่นต่อมา
ภายใต้การคุมทีมของ เคลาดิโอ รานิเอรี่ เขาก็ยังทำค่าเฉลี่ยการยิงประตูได้อย่างยอดเยี่ยม อีก 2 ฤดูกาลหลัง แม้ว่าผลงานจะตกลงไปบ้าง แต่ก็ยังคงทำประตูสำคัยได้อย่างต่อเนื่อง น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง ที่ฮัสเซลเบงค์ เข้ามาอยู่กับทีมได้เพียง 4 ฤดูกาล ก่อนถูกจะขายไปให้กับ มิดเดิ้ลสโบรห์ ต่อไป
นับว่าเป็นอีกหนึ่งนักเตะ ที่แฟนสิงห์บลู ยกให้เป็นตำนาน ด้วยการเล่นที่จับคู่กับ ไอเดอร์ กุ๊ดยอร์นเซ่น เข้าขารู้ใจกันแบสุดๆ ทำให้แฟนบอลมีความสุขทุกครั้งเมื่อลงเล่นร่วมกัน ทั้งนี้ เอกลักษณ์ที่แฟนๆชอบมากที่สุด ลูกยิงปลิดวิญญาณ ซึ่ง ฮัสเซลเบงค์ทำให้เห็นมาหลายต่อหลายนัดแล้ว
แม้ว่า ส่วนตัว ฮัสเซลเบงค์ จะไม่สามารถ คว้าแชมป์กับเชลซีเลย แต่เขามีส่วนทำประตูสำคัญได้เช่นกัน และยังพาทีมจบอันดับสูงสุดในลีกได้เป็นครั้งแรกในรอบ 49 ปี ในปี 2003/04 ด้วยการเป็ร อันดับ 2 ของลีก
อ่านบทความอื่นๆได้ที่นี่ : chelsea-th.com
เว็บไซต์หลักของสโมสร : chelseafc.com